ในยุคที่ “ทักษะ” คือขุมทรัพย์ การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องคือหัวใจของการเติบโต ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงใดของชีวิต หรือมีเป้าหมายแบบไหน การอัปสกิล (Upskill) และรีสกิล (Reskill) ผ่านคอร์สเรียนออนไลน์ คือเส้นทางที่เข้าถึงง่าย ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทความนี้ได้รวบรวม กว่า 30 แพลตฟอร์มคอร์สเรียนออนไลน์ระดับโลกและในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับ มีเนื้อหาครอบคลุมทุกความต้องการ ตั้งแต่ทักษะพื้นฐานไปจนถึงความรู้เฉพาะทางขั้นสูง พร้อมโอกาสในการได้รับใบรับรอง (Certificate) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้โปรไฟล์ของคุณ
ทำไมต้องเรียนออนไลน์ในยุคนี้?
- อิสระไร้ขีดจำกัด: เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตามตารางชีวิตของคุณ
- คุ้มค่า: มีทั้งคอร์สฟรีคุณภาพเยี่ยม และคอร์สพรีเมียมที่ลงทุนแล้วคุ้มค่า
- อัปเดตทันโลก: เนื้อหาและทักษะใหม่ๆ ที่ตลาดแรงงานต้องการ อัปเดตอยู่เสมอ
- สร้างเครดิต: ใบรับรองจากแพลตฟอร์มหรือสถาบันชั้นนำ ช่วยเพิ่มโอกาสทางอาชีพ
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาดูกันว่ามีแพลตฟอร์มไหนบ้างที่คุณไม่ควรพลาด!
1. Thai MOOC (Thailand Massive Open Online Course)
จุดเด่น: แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ฟรีของไทย เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความรู้จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ รวบรวมคอร์สฟรีจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานรัฐกว่า 480+ คอร์ส เน้นความรู้สายอาชีพที่นำไปใช้ได้จริง มีใบประกาศนียบัตรเมื่อเรียนจบ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเรียนรู้หลากหลายสาขาแบบไม่มีค่าใช้จ่าย และต้องการใบรับรองที่เป็นทางการ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://thaimooc.org
2. SkillLane
จุดเด่น: หนึ่งในแพลตฟอร์มคอร์สเรียนออนไลน์เชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย สอนโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ครอบคลุมทักษะที่ตลาดต้องการสูง เช่น การตลาดดิจิทัล, Data Science, การเงิน, ภาษา, การพัฒนาตนเอง มีทั้งคอร์สฟรีและพรีเมียม
เหมาะสำหรับ: คนทำงานที่ต้องการ Upskill/Reskill อย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาสายอาชีพ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.skilllane.com
3. FutureSkill
จุดเด่น: เน้นคอร์สเรียนที่พัฒนา “ทักษะแห่งอนาคต” และทักษะดิจิทัลโดยเฉพาะ (Digital Marketing, Data Analytics, UI/UX Design, Programming) เนื้อหาทันสมัย ตอบโจทย์ตลาดงานยุคใหม่
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเตรียมพร้อมสำหรับงานแห่งอนาคต หรือเปลี่ยนสายงานเข้าสู่แวดวงดิจิทัล
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://futureskill.co
4. Chula Mooc (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
จุดเด่น: คอร์สออนไลน์ฟรีจากจุฬาฯ เนื้อหาเข้มข้น ครอบคลุม 6 หมวดหลัก: ภาษา เทคโนโลยี การจัดการ ศิลปะ การพัฒนาตนเอง และสุขภาพ สอนโดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการต่อยอดความรู้เฉพาะทางจากแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อถือได้ระดับประเทศ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://mooc.chula.ac.th
5. CMU Lifelong Education (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
จุดเด่น: คอร์สเรียนฟรีจาก ม.เชียงใหม่ สามารถใช้สะสมหน่วยกิตได้ (สำหรับนักศึกษา) และบุคคลทั่วไปสามารถเรียนได้ มีทั้งหลักสูตรออนไลน์และระยะสั้น เน้นความรู้หลากหลายที่ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่สนใจเรียนรู้จากแหล่งความรู้ทางวิชาการที่เชื่อถือได้ของภูมิภาค
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.lifelong.cmu.ac.th
6. Mahidol University Extension (มหาวิทยาลัยมหิดล)
จุดเด่น: แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ฟรีจาก 22 คณะของมหาวิทยาลัยมหิดล เนื้อหาวิชาเน้นความรู้เชิงลึกตามสายวิชาชีพ เช่น ทันตแพทย์ พยาบาลศาสตร์ ศิลปศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการพัฒนาความรู้เฉพาะทางในด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ จากแหล่งเรียนรู้ที่น่าเชื่อถือ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://mux.mahidol.ac.th
7. TU Next (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
จุดเด่น: คอร์สเรียนฟรี (บางวิชา) จาก ม.ธรรมศาสตร์ ในรูปแบบ Gen Next Academy มีกว่า 90 คอร์ส เน้นความรู้ใหม่ๆ ที่หลากหลาย เหมือนเรียนในมหาวิทยาลัย (เช่น ปรัชญาการเมืองเบื้องต้น อารยธรรมและวัฒนธรรมของไทยในปัจจุบัน)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความรู้เชิงวิชาการด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://tunext.com
8. Set E-Learning (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย)
จุดเด่น: แพลตฟอร์มเรียนฟรีที่เจาะลึกเรื่องการลงทุน การเงิน การบริหารจัดการเงินส่วนบุคคล และตลาดหลักทรัพย์ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าใจโลกการลงทุน มีใบรับรองเมื่อเรียนจบ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นหรือพัฒนาความรู้ด้านการเงินและการลงทุน
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://elearning.set.or.th
9. Coursera
จุดเด่น: แหล่งรวมคอร์สจากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 200 แห่งทั่วโลก (เช่น Yale, Stanford) และบริษัทชั้นนำ (Google, IBM) มีหลักสูตรเฉพาะทาง (Specialization) และ Professional Certificate ที่ได้รับการยอมรับสูง หลายคอร์สสามารถทดลองเรียนได้ฟรี หรือลงทะเบียนเรียนฟรีเพื่อเข้าถึงเนื้อหา (อาจมีค่าใช้จ่ายหากต้องการใบรับรอง)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการใบรับรองจากสถาบันระดับโลก หรือเรียนรู้ทักษะที่ซับซ้อนในเชิงลึก
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.coursera.org
10. edX
จุดเด่น: ก่อตั้งโดย Harvard และ MIT เสนอคอร์สเรียนคุณภาพสูงจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกเช่นกัน ครอบคลุมหลากหลายสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, มนุษยศาสตร์ สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ฟรีในหลายคอร์ส (มีค่าใช้จ่ายสำหรับใบรับรอง)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความรู้เชิงลึกจากสถาบันระดับโลก และต้องการใบรับรองที่น่าเชื่อถือ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.edx.org
11. Udemy
จุดเด่น: แพลตฟอร์มขนาดใหญ่ที่มีคอร์สให้เลือกมากที่สุด (หลายแสนคอร์ส) สอนโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระจากทั่วโลก ครอบคลุมเกือบทุกสาขาวิชา มักมีโปรโมชั่นลดราคาบ่อยครั้ง ทำให้คอร์สพรีเมียมเข้าถึงได้ง่าย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการคอร์สที่หลากหลาย ในราคาที่ยืดหยุ่น และมีทางเลือกมากมาย
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.udemy.com
12. LinkedIn Learning
จุดเด่น: พัฒนาโดย LinkedIn เน้นคอร์สเรียนที่เกี่ยวข้องกับทักษะวิชาชีพและสายงานที่ตลาดต้องการสูง (เช่น การตลาด, ธุรกิจ, เทคโนโลยี, ซอฟต์แวร์) มีคอร์สใหม่ๆ อัปเดตสม่ำเสมอ สามารถทดลองใช้ฟรีได้ 1 เดือน
เหมาะสำหรับ: คนทำงานที่ต้องการพัฒนาทักษะเฉพาะทางเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ และสร้างเครือข่ายมืออาชีพ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.linkedin.com/learning
13. Skillshare
จุดเด่น: เน้นคอร์สสร้างสรรค์, งานธุรกิจ, เทคโนโลยี และไลฟ์สไตล์ มีคอร์สจำนวนมาก และมักมีโปรเจกต์ให้ทำตามเพื่อฝึกฝีมือ ทดลองเรียนฟรีได้ 1 เดือน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่สนใจทักษะสายครีเอทีฟ, การออกแบบ, หรืองานฝีมือต่างๆ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.skillshare.com
14. FutureLearn
จุดเด่น: แพลตฟอร์ม MOOC ที่มีคอร์สฟรีมากกว่า 1,000 หลักสูตรจากสถาบันและมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก เนื้อหาหลากหลาย ไม่จำกัดแค่วิชาการ เช่น การหัดเขียนนิยาย, เตรียมสอบ IELTS
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความรู้หลากหลายจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ทั้งวิชาการและทักษะเฉพาะ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.futurelearn.com
15. Udacity
จุดเด่น: แหล่งความรู้สำหรับสายเทคโนโลยี เน้น AI, Data Science, Self-Driving Cars, และการเขียนโปรแกรมต่างๆ มีทั้งคอร์สฟรีและโปรแกรม Nanodegree ที่เน้นการเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานจริง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเจาะลึกทักษะด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และเตรียมพร้อมสำหรับตำแหน่งงานเฉพาะทาง
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.udacity.com
16. Great Learning
จุดเด่น: แพลตฟอร์มที่รวมคอร์สเกี่ยวกับธุรกิจ, การวิเคราะห์ข้อมูล, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการตลาดจากอาจารย์สอนทั่วโลก มีทั้งคอร์สฟรีและหลักสูตรแบบมืออาชีพที่ได้รับใบรับรองจากมหาวิทยาลัยพันธมิตร
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านธุรกิจและเทคโนโลยีในระดับที่ลึกขึ้น
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.mygreatlearning.com
17. Pluralsight
จุดเด่น: แพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เชี่ยวชาญด้าน IT เน้นการพัฒนาเว็บไซต์/แอปพลิเคชัน และการเขียนโค้ดภาษาต่างๆ (Java, Angular, Python) มีการประเมินทักษะและเส้นทางการเรียนรู้ที่ชัดเจน
เหมาะสำหรับ: นักพัฒนา, IT Professionals ที่ต้องการอัปเดตทักษะทางเทคนิค
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.pluralsight.com
18. Open Culture
จุดเด่น: แหล่งรวมคอร์สเรียนออนไลน์ฟรีกว่า 1,000 คอร์สจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก (Yale, MIT, Harvard, Oxford) ในหลากหลายสาขา มีคอร์สแปลกใหม่ และบทวิจารณ์จากผู้เรียน
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเข้าถึงความรู้จากมหาวิทยาลัยชั้นนำโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.openculture.com
19. Online Course Report
จุดเด่น: เป็น Aggregator (ผู้รวบรวม) คอร์สเรียนออนไลน์ฟรีกว่า 5,400 คอร์สจากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะเนื้อหาเชิงวิชาการและภาษาจาก MIT และแหล่งอื่นๆ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการค้นหาคอร์สเรียนฟรีในเชิงลึกและเป็นวิชาการจากแหล่งที่เชื่อถือได้
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.onlinecoursereport.com
20 .Google Digital Garage / Google Skillshop
จุดเด่น: คอร์สเรียนออนไลน์ฟรีโดยตรงจาก Google เน้นทักษะด้านดิจิทัล, การตลาดออนไลน์, E-commerce, Google Ads, Google Analytics พร้อมใบรับรองจาก Google ที่ได้รับการยอมรับ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการทำงานในสายงานดิจิทัล, นักการตลาด, หรือเจ้าของธุรกิจ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://learndigital.withgoogle.com/digitalgarage
21. Microsoft Learn
จุดเด่น: แหล่งเรียนรู้ฟรีอย่างเป็นทางการจาก Microsoft สำหรับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ของ Microsoft (เช่น Azure, Microsoft 365, Power Platform) มีเส้นทางการเรียนรู้และโมดูลฝึกอบรมหลากหลาย
เหมาะสำหรับ: IT Professionals, Developer ที่ทำงานกับเทคโนโลยี Microsoft
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://learn.microsoft.com/en-us
22. AWS Training and Certification
จุดเด่น: แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับ Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเป็นบริการ Cloud Computing ชั้นนำของโลก มีทั้งโมดูลการเรียนรู้ฟรี และหลักสูตรที่ช่วยเตรียมสอบใบรับรอง AWS
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้าน Cloud Computing, AI/ML, Data Analytics บน AWS
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://aws.amazon.com/training
23. Cisco Networking Academy
จุดเด่น: แพลตฟอร์มที่เปิดสอนและให้การฝึกอบรมด้านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และความปลอดภัยทางไซเบอร์จาก Cisco ซึ่งเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์เครือข่าย มีทั้งคอร์สเบื้องต้นและคอร์สเตรียมสอบใบรับรอง CCNA
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเข้าสู่สายงาน IT Network และ Cyber Security
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.netacad.com
กลุ่มที่ 4 แพลตฟอร์มเฉพาะทางและทักษะแห่งอนาคต
สำหรับผู้ที่ต้องการเจาะลึกทักษะเฉพาะด้านที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด
24. Skooldio
จุดเด่น: เน้นคอร์สเรียนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี, ข้อมูล, และการสร้างสรรค์นวัตกรรม สอนโดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติงานจริงในสายเทคโนโลยี (Data Science, AI, Machine Learning, Product Management)
เหมาะสำหรับ: นักพัฒนา, Data Scientist, Product Manager, หรือผู้ที่ต้องการอัปสกิลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.skooldio.com
25. Designil
จุดเด่น: แพลตฟอร์มไทยที่เน้นคอร์สเรียนออนไลน์ด้านการออกแบบกราฟิก, เว็บไซต์, และดิจิทัลอาร์ตโดยเฉพาะ สอนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ
เหมาะสำหรับ: นักออกแบบ, กราฟิกดีไซเนอร์, หรือผู้ที่สนใจเข้าสู่สายงานออกแบบ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.designil.com
26. Globish
จุดเด่น: แพลตฟอร์มเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เน้นการสนทนา มีรูปแบบการเรียนแบบกลุ่มเล็กหรือส่วนตัวกับครูต่างชาติ เพื่อพัฒนาทักษะการพูดและการฟัง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.globish.co.th
27. True Digital Academy
จุดเด่น: มุ่งเน้นคอร์สเรียนที่พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้มข้น เช่น Data Analytics, AI, Cloud Computing, Cyber Security โดยมักเป็นรูปแบบ Bootcamp หรือหลักสูตรระยะสั้นที่เข้มข้น
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงาน หรือ Upskill/Reskill ในสายงานดิจิทัลอย่างเร่งด่วน
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.truedigitalacademy.com
28. Lambda School (BloomTech)
จุดเด่น: เน้นสร้างโอกาสอาชีพสายเทคโนโลยี (Computer Science, UX Design, Data Science) มีโมเดล “เรียนก่อนจ่ายทีหลัง” (Income Share Agreement) หากมีงานทำและมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานด้านเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และต้องการโมเดลการชำระเงินที่ยืดหยุ่น
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.bloomtech.com
29. Khan Academy
จุดเด่น: องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้บริการการศึกษาออนไลน์ฟรีสำหรับทุกเพศทุกวัย ครอบคลุมวิชาหลักๆ เช่น คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ศิลปะ, ประวัติศาสตร์, เศรษฐศาสตร์
เหมาะสำหรับ: นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการทบทวนความรู้พื้นฐานในวิชาต่างๆ
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.khanacademy.org
30. FreeCodeCamp
จุดเด่น: แพลตฟอร์มการเรียนรู้การเขียนโค้ดและการพัฒนาเว็บแบบฟรี ที่เน้นการปฏิบัติจริง มีหลักสูตรที่ครบวงจรเพื่อสร้างนักพัฒนาเว็บที่มีทักษะ และเมื่อเรียนจบหลักสูตรยังได้รับใบรับรอง
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นหรือพัฒนาทักษะด้านการเขียนโปรแกรมและการพัฒนาเว็บไซต์
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.freecodecamp.org
31. TED-Ed
จุดเด่น: แม้จะไม่ใช่คอร์สเต็มรูปแบบ แต่เป็นแหล่งรวมบทเรียนในรูปแบบวิดีโออนิเมชั่นที่น่าสนใจและสร้างสรรค์จาก TED Talks และนักการศึกษาทั่วโลก ครอบคลุมหัวข้อหลากหลาย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ในหัวข้อที่หลากหลายและกระตุ้นความคิดด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่าย
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://ed.ted.com
32. Stanford University (Online Free Courses)
จุดเด่น: เรียนรู้จากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกในบางวิชา (เช่น Computer Science, Economics, Languages) ที่เปิดให้เรียนฟรี
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การเรียนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://online.stanford.edu/free-courses
33. Harvard University (Online Free Courses)
จุดเด่น: คอร์สเรียนฟรีจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในรายวิชาที่น่าสนใจและอัปเดตตรงกับสถานการณ์โลกและสังคม
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความรู้จากสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลกในหัวข้อเฉพาะทาง
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://pll.harvard.edu/catalog/free
34. Codecademy
จุดเด่น: แพลตฟอร์มยอดนิยมที่เน้นการเรียนรู้การเขียนโค้ดและทักษะด้านเทคโนโลยีผ่านการลงมือปฏิบัติจริงในเบราว์เซอร์ (Interactive Learning) มีบทเรียนสำหรับภาษาโปรแกรมต่างๆ เช่น Python, JavaScript, HTML/CSS และมี Career Paths ที่ช่วยนำทางสู่สายอาชีพ
เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นเขียนโค้ด หรือผู้ที่ต้องการฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมด้วยการลงมือทำจริง
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.codecademy.com
35. Brilliant.org
จุดเด่น: แพลตฟอร์มที่เน้นการเรียนรู้ด้าน STEM (Science, Technology, Engineering, Math) ผ่านการแก้ปัญหาแบบโต้ตอบ (Interactive Problem-Solving) และอธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนด้วยภาพที่เข้าใจง่าย ไม่ใช่แค่การดูวิดีโออย่างเดียว แต่เป็นการมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้
เหมาะสำหรับ: นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่สนใจวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึกและวิธีคิดแบบแก้ปัญหา
เข้าเรียนผ่านเว็บไซต์นี้: https://www.brilliant.org

